BGC ปี 67 สัญญาณดี ศก.ฟื้น-ต้นทุนลด-รับรู้รายได้ "ไพร์ม แพ็คเกจจิ้ง" รับแรงหนุนจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่น ชูนโยบายบริหารต้นทุนเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น

ศุกร์ ๐๑ มีนาคม ๒๕๖๗ ๑๗:๒๙
"บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC" คาดปี 2567 ต้นทุนลดลง ดันอัตรากำไรขั้นต้น และรับรู้รายได้เต็มปีของ บริษัท ไพร์ม แพ็คเกจจิ้ง จำกัด (Prime) ที่ได้ซื้อเข้ามาในไตรมาส 2 ของปี 2566 ล่าสุดประกาศผลงานปี 2566 มีรายได้จากการขายแตะ 15,005 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 324 ล้านบาท โดยรายได้ของ Prime เป็นไปตามคาดที่ประมาณ 100 ล้านบาทต่อไตรมาส ดันรายได้จากการขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่นพุ่ง นอกจากนี้ เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นและตอบแทนผู้ถือหุ้น ชงบอร์ดจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม ในอัตรา 0.080 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 เมษายน 2567 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 17 พฤษภาคม 2567
BGC ปี 67 สัญญาณดี ศก.ฟื้น-ต้นทุนลด-รับรู้รายได้ ไพร์ม แพ็คเกจจิ้ง รับแรงหนุนจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่น ชูนโยบายบริหารต้นทุนเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น

นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) ("บริษัทฯ") ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์อื่นรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึงแผนธุรกิจของบริษัทฯ และการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2567 จากต้นทุนที่ลดลงและแผนงานของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วในปีนี้ โดยบริษัทฯ มีแผนงานคัดเลือกผลิตบรรจุภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรที่ดี เน้นให้ความสำคัญในการขยายตลาดการส่งออก และการหาลูกค้าใหม่ พร้อมกับการพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและพฤติกรรมการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต ด้านต้นทุนการผลิต คาดว่าจะปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะราคาโซดาแอช ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่ออัตรากำไรขั้นต้น นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่นมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะ Prime ที่มีรายได้เป็นไปตามคาดที่ 100 ล้านบาทต่อไตรมาส ทั้งนี้ ส่วนต่อขยายหรือ Prime B ได้เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้วช่วงไตรมาส 4/2566 และคาดว่าปีนี้จะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขายให้กับกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนผ่านการเจรจาต่อรองราคาและขยายจำนวนคู่ค้าเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น การปรับสูตรการผลิตเพื่อลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วย การปรับใช้พลังงานทางเลือก (Alternative Energy) ที่เหมาะสม เพื่อบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ ควบคู่ไปกับการเจรจาปรับราคาสินค้ากับลูกค้า รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตโดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในกระบวนการผลิต

ทั้งนี้ การลงทุนในปีนี้ บริษัทฯ มีแผนการสำหรับบำรุงรักษาเตาตามระยะเวลา (Cold repair) เพื่อรับโอกาสจากเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว สำหรับธุรกิจใหม่จากการควบรวมกิจการยังคงพิจารณาอย่างต่อเนื่องตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับกลยุทธ์ของธุรกิจในระยะยาว เพื่อเพิ่มศักยภาพและโอกาสเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2566 มีรายได้จากการขาย 4,263 ล้านบาท เติบโต 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 85 ล้านบาท โดยการวางกลยุทธ์ผลักดันการเติบโตส่งผลให้ยอดขายจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วในกลุ่มเบียร์ โซดาและน้ำดื่ม และเครื่องดื่มชูกำลัง (Energy Drink) เพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง รวมทั้งกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่นมียอดขายเพิ่มขึ้นจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนและม้วนฟิล์ม (Flexible Plastic) จากการเข้าถือหุ้นใน Prime ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนและม้วนฟิล์มในไตรมาส 2 ของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์อื่นเติบโตมากถึง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีก่อนหน้า

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวดปี 2566 มีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 15,005 ล้านบาท เติบโต 6% จากปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 14,192 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 324 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 507ล้านบาท เนื่องจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต้นทุนวัตถุดิบและพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 และ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงส่งผลต่อภาระหนี้สินที่มีดอกเบี้ย รวมถึงในปี 2565 มีกำไรพิเศษจากการจำหน่ายกิจการกลุ่มพลังงาน จำนวน 80 ล้านบาท

จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ในอัตรา 0.080 บาทต่อหุ้น และเมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 3 ครั้ง ในระหว่างปี 2566 จะเป็นเงินปันผลที่จ่ายในรอบปีบัญชี 2566 ทั้งสิ้น 0.280 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 26 เมษายน 2567 นี้ และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567

ที่มา: ไออาร์ พลัส

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๖ ก.ค. วว. ผนึกกำลัง มรภ.เพชรบุรี พัฒนา วทน. ด้านเทคโนโลยีเพิ่มมูลค่าพืชผลเกษตร-สร้างระบบนิเวศงานวิจัย
๒๖ ก.ค. กทม. แจงจ้างเหมาเอกชนซ่อมบำรุงเครื่องสูบน้ำที่สถานีสูบน้ำคลองช่องนนทรี หลังสิ้นสุดระยะเวลาค้ำประกัน
๒๖ ก.ค. ออปโป้ชวนด้อมไทยส่งข้อความสู่ Boost Your Dreams Box เตรียมต้อนรับ 3 หนุ่ม BSS สู่งาน Boost Your Dreams Together 2
๒๖ ก.ค. นนท์ ธนนท์ - อิ้งค์ วรันธร นำทัพศิลปินขี้เหงา มาฮีลใจ ชวนคนเหงาปล่อยจอย ใน LONELY LOUD FEST เปิดจองบัตร Early Bird 30 ก.ค.
๒๖ ก.ค. มะเร็งรังไข่ ภัยเงียบที่ผู้หญิงควรระวัง
๒๖ ก.ค. โก โฮลเซลล์ ปักหมุดภาคใต้สาขาแรก ราไวย์ จ.ภูเก็ต แล้ว! ลุยอาณาจักรค้าส่งวัตถุดิบอาหาร สร้างฟู้ด พาราไดซ์
๒๖ ก.ค. How to เริ่มต้นวางแผนซื้อบ้าน/คอนโดฯ อย่างไรให้มั่นใจยุคดอกเบี้ยสูง
๒๖ ก.ค. โรบินสันไลฟ์สไตล์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ฉลองเทศกาลวันแม่ ส่งแคมเปญ ชวน ฮักแม่ ด้วยภาษารัก
๒๖ ก.ค. เลือกฟิล์มติดกระจกออฟฟิศยังไงให้คุ้มค่าในระยะยาว ?
๒๖ ก.ค. 5 เคล็ดลับเลือก Clinic เสริมความงาม ที่ปลอดภัย ได้มาตรฐาน