สู่ 4 พันล้าน จระเข้ แบรนด์วัสดุก่อสร้างสัญชาติไทย ฉลองครบรอบ 32 ปี ย้อนปรากฏการณ์วงการก่อสร้าง จาก "จุดเริ่มต้น" สู่ "เบอร์หนึ่ง" กาวซีเมนต์-ยาแนว เจาะโมเดลธุรกิจไทยด้วยนวัตกรรม ลุยเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ เคมีก่อสร้าง-สีพรีเมียม

จันทร์ ๐๙ กันยายน ๒๕๖๗ ๑๐:๑๕
ตลอดเวลากว่า 32 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่คงจะคุ้นหูคุ้นตากับผลิตภัณฑ์นวัตกรรมก่อสร้างของ "แบรนด์จระเข้" มาไม่มากก็น้อย ด้วยชื่อและโลโก้แบรนด์ที่สะดุดตาจนใครเห็นก็ต้องจำได้ แต่สำหรับวงการก่อสร้างเมืองไทยแล้ว ชื่อของ "จระเข้" หรือ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ถือเป็นอีกหนึ่งตำนานแห่งวงการในฐานะธุรกิจสัญชาติไทยที่ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาเสริมคุณภาพและประสิทธิภาพการใช้งานของสินค้าอยู่เสมอ การพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งภายใต้เป้าหมายในการยกระดับวงการก่อสร้างนี้ ได้ส่งผลให้ "จระเข้" เติบโตมาอย่างแข็งแกร่ง จนปีนี้ประกาศมุ่งสู่รายได้ 4,000 ล้านบาท เพื่อฉลองครบรอบปีที่ 32 แห่งการดำเนินธุรกิจเคียงคู่สังคมไทย พร้อมเดินหน้าเป็นเจ้าตลาดกาวซีเมนต์-กาวยาแนว และลุยเจาะมาร์เก็ตแชร์สินค้าเคมีก่อสร้างและผลิตภัณฑ์สีพรีเมียมอย่างเต็มกำลัง
สู่ 4 พันล้าน จระเข้ แบรนด์วัสดุก่อสร้างสัญชาติไทย ฉลองครบรอบ 32 ปี ย้อนปรากฏการณ์วงการก่อสร้าง จาก จุดเริ่มต้น สู่ เบอร์หนึ่ง กาวซีเมนต์-ยาแนว เจาะโมเดลธุรกิจไทยด้วยนวัตกรรม ลุยเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ เคมีก่อสร้าง-สีพรีเมียม

เปิดเส้นทาง 32 ปีแห่งการ "ตั้งต้น-ต่อยอด-เติบโต"

จุดเริ่มต้นของ "จระเข้" ย้อนกลับไปในปี 2535 เมื่อกลุ่มเพื่อนพนักงานประจำ ฝันอยากคิดค้นผลิตภัณฑ์กาวซีเมนต์ปูกระเบื้องที่มีคุณภาพสูงและตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายมากขึ้น พวกเขาจึงตัดสินใจร่วมทุนกันก่อตั้งบริษัท เซอรา ซี-เคียว จำกัด ในวันที่ 28 สิงหาคม 2535 และจากความตั้งใจที่จะแก้ Pain Point ของการปูกระเบื้องในวันนั้น ได้ถือกำเนิดเป็นผลิตภัณฑ์แรกอย่างกาวซีเมนต์ "จระเข้เขียว" ในปี 2536 ที่ใช้เทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาที่ยังคงยืนหยัดในคุณภาพและได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมาจนถึงทุกวันนี้ การนำเสนอ "กาวซีเมนต์จระเข้เขียว" เพื่อใช้ในการปูกระเบื้องโดยเฉพาะ แทนการใช้ปูนซีเมนต์ผสม ถือเป็น Game Changer ที่เข้ามาพลิกโฉมตลาดและยกระดับมาตรฐานคุณภาพของงานปูกระเบื้องของเมืองไทย ในยุคนั้น แบรนด์จระเข้ ถือเป็นหน้าใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จัก กลุ่มผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท รวมถึง นายศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหารของจระเข้ในปัจจุบัน ต้องขับรถไปทั่วไทยพบปะลูกค้ากว่า 600 อำเภอ เพื่อแนะนำสินค้า สาธิตการใช้งาน พร้อมกับรับฟังความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริง เพื่อเก็บข้อมูลไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่แก้ Pain Point ของลูกค้า

10 ปีต่อมา จากความมานะบากบั่นของผู้บริหารและพนักงานทุกคน บริษัททำยอดขายแตะ 115 ล้านบาทครั้งแรกในปี 2546 และในปีเดียวกันนี้ จระเข้ ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัว "กาวยาแนวจระเข้ พรีเมียม พลัส" กาวยาแนวป้องกันราดำรายแรกของโลก ด้วยเทคโนโลยีไมโครแบน (Microban) นับเป็นผลผลิตจากการตั้งใจวิจัยและพัฒนาเพื่อป้องกันราดำในร่องยาแนว ปัญหาที่พบได้บ่อยในประเทศร้อนชื้นอย่างเมืองไทย ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้งาน พร้อมสร้างชื่อเสียงให้แบรนด์จระเข้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะผู้พลิกโฉมวงการก่อสร้างไทยด้วยนวัตกรรมระดับโลก จากรายได้หลักร้อยล้านจึงนำไปสู่ 2,017 ล้านบาทในปี 2557 และต่อมาในปี 2560 จระเข้ ได้กลายเป็นผู้ครองตลาดอันดับหนึ่งในกลุ่มกาวซีเมนต์และกาวยาแนว ด้วยส่วนแบ่งมากกว่า 50% และยังคงครองเบอร์หนึ่งมาจนถึงปัจจุบัน ในปี 2566 บริษัทสร้างรายได้มากถึง 3,707 ล้านบาท สอดคล้องไปกับการขยายไลน์อัพสินค้านวัตกรรมก่อสร้างที่หลากหลายครอบคลุมการใช้งานมากยิ่งขึ้นในทุก ๆ ปี

จากจุดเริ่มต้น สู่ 4,000 ล้านบาท เพราะแข่งขันด้วย Innovation

ในปี 2567 จระเข้ ยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และเสริมทัพกระบวนการผลิตในทุกขั้นตอนภายใต้มาตรฐานระดับโลก เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ครอบคลุมงานก่อสร้างตั้งแต่ฐานรากจนถึงหลังคา ทุกโปรดักต์ล้วนเปี่ยมด้วยนวัตกรรมที่ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์การใช้งาน แต่ต้องปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม ตามปรัชญาองค์กร "Innovation For Your Family's Happiness - นวัตกรรมก่อสร้างความสุขเพื่อคุณและครอบครัว" เพื่อให้แบรนด์ของคนไทยอย่างจระเข้ เป็นแบรนด์ที่วงการก่อสร้างทุกเซกเมนต์ไว้วางใจต่อไป ในปีนี้ จระเข้ประกาศมุ่งสู่รายได้ 4,000 ล้านบาท พร้อมกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจผ่านการลุยตลาดเคมีก่อสร้างและผลิตภัณฑ์สีพรีเมียม ที่ยังมีพื้นที่ในการเติบโตอีกมาก บวกกับการลุยตลาดต่างประเทศเพื่อนำเสนอนวัตกรรมก่อสร้างคุณภาพระดับมาตรฐานสากล มุ่งสู่การเป็นโกลบอลแบรนด์จากเมืองไทย

เปิดกลยุทธ์สู่ก้าวต่อไปที่มั่นคง

นายศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เผยว่า "ตลอดกว่า 32 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ของเราได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมก่อสร้าง ซ่อมแซม และตกแต่งครบวงจร ที่มีฐานลูกค้าอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรมตั้งแต่อสังหาฯ การท่องเที่ยว โรงงานอุตสาหกรรม ไปจนถึงโปรเจกต์โครงสร้างพื้นฐานของหน่วยงานภาครัฐ เป้าหมายต่อจากนี้ คือการรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวในเมืองไทยต่อไป พร้อมเดินหน้าเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้างและสีพรีเมียม เราเล็งเห็นโอกาสเติบโตในสองเซกเมนต์นี้ เพราะจระเข้ นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีจุดแข็งชัดเจน ในการแก้ Pain Point เสมอ นอกจากเราจะเน้นคุณภาพและการใช้งานที่สะดวกแล้ว นวัตกรรมของเรายังปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการผลิต หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญคือการสานต่อแคมเปญการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับกลุ่มสินค้าอื่น ๆ ของจระเข้ตามคอนเซปต์ 'ใช้จระเข้ร่วมกัน ปกป้องทั้งบ้าน' นอกจากนี้ อีกหนึ่งแผนธุรกิจที่ช่วยเสริมความมั่นคงของเรา คือตลาดต่างประเทศ โดย จระเข้ จัดจำหน่ายสินค้าในตลาด CLMV หรือกัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา และเวียดนาม มาสักพักใหญ่แล้ว เราได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีและตอนนี้กำลังศึกษาโมเดลธุรกิจในการเจาะตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ต่อไป"

ภารกิจใหม่กับการยกระดับวงการก่อสร้างสีเขียว

อีกหนึ่งภารกิจที่จระเข้ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เพื่อการเติบโตของธุรกิจต่อจากนี้ คือ การลดการปล่อยคาร์บอนในทุกกระบวนการผลิตเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 5 ข้อ (5SD) ซึ่งเป็นแนวทางพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนและปลูกฝังความตระหนักรู้เรื่องบทบาทของทุกคนในการร่วมดูแลรักษาโลกให้คงอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป ได้แก่

  1. ลดการปล่อย CO2: มุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตและการดำเนินงานทั้งหมด โดยจระเข้ได้ลดการปล่อยคาร์บอนได้ 11,118,806 กิโลกรัมคาร์บอน
  2. ลดปริมาณขยะและของเสีย: จัดการขยะและของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการรีไซเคิลขยะให้เกิดประโยชน์ โดยจระเข้ ได้จัดการขยะรีไซเคิลไปแล้ว 120,499 กิโลกรัม
  3. ลดการใช้สารพิษ: ลดการใช้และการปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตรายในกระบวนการผลิต โดยจระเข้ได้ลดฝุ่นไปแล้ว 2,522,217 กิโลกรัม ด้วยการปรับปรุงกระบวนการผลิต
  4. เพิ่มสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: พัฒนาและส่งเสริมผลิตภัณฑ์ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยยอดขายสินค้ากลุ่ม Green Products คิดเป็น 62% จากยอดขายทั้งหมด
  5. สนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพชีวิต: สนับสนุนกิจกรรมที่ยกระดับคุณภาพชีวิต ครอบคลุมด้านการศึกษา สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อม เดินหน้าทำงานร่วมกับชุมชนและองค์กร เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสังคม โดยจระเข้ได้พัฒนาทักษะคนไปแล้วกว่า 12,274 คน

"ต่อจากนี้ ทุกผลิตภัณฑ์ ทุกกระบวนการผลิต ทุกการดำเนินงานในองค์กร และทุกโครงการ CSR ที่จระเข้ริเริ่มจะตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ จระเข้ ขอเป็นแบรนด์ไทยที่เติบโตได้อย่างมั่นคงพร้อมไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและการขับเคลื่อนสังคมตามแนวคิด 'เราอยู่ได้ - โลกอยู่ดี - สังคมมีสุข' ของจระเข้" นายศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

ที่มา: วิวาลดี้ พับลิค รีเลชั่นส์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๑ ต.ค. นิปปอน เอ็กซ์เพรส โฮลดิงส์ เสร็จสิ้นการเข้าซื้อหุ้นของ SH HoldCo GmbH รวมเข้ามาเป็นบริษัทในเครือโดยถือหุ้นเต็ม
๑๑ ต.ค. พฤกษา กระหน่ำแคมเปญแห่งปี! Last Chance โอกาสสุดท้าย เสิร์ฟความคุ้ม ด้วยดอกเบี้ยต่ำ 0.95% นาน 2 ปี ผ่อนต่ำล้านละ 900
๑๑ ต.ค. เฮอร์บาไลฟ์ ยืนหนึ่งเรื่องสุขภาพและความงาม นิวทริชันแนล โปรตีน ดริ้งค์ มิกซ์ คว้ารางวัล สินค้าและบริการยอดเยี่ยมแห่งปี
๑๑ ต.ค. กทม.จับมือ LINE MAN Wongnai ออกแคมเปญ 'ร้านนี้ ไม่เทรวม' ชวนร้านแยกขยะก่อนทิ้ง ชูต้นแบบการกำจัดขยะอย่างยั่งยืน
๑๑ ต.ค. เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เนรมิตโรงพยาบาลสยองขวัญหลอนรับฮาโลวีน MBK Center HAUNTED HOSPITAL พร้อมกระตุกต่อมกรี๊ดกับกิจกรรมสุดสะพรึงตลอดเดือนตุลาคม
๑๑ ต.ค. โฮมโปร เมกาโฮม ห่วงใย ร่วมใจฟื้นฟูบ้าน บริจาคสินค้ากลุ่มทำความสะอาด ผ่าน TikTok Shop รวมใจสู้ภัยน้ำ เพื่อส่งมอบให้กับมูลนิธิรักษ์ไทย
๑๑ ต.ค. กลุ่ม KTIS ปลื้มบรรจุภัณฑ์ชานอ้อยได้การรับรองระดับโลก ชู 4 มาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร - ย่อยสลายได้ 100%
๑๑ ต.ค. กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์' ส่งโปรโมชันท้ายปี ประกันรถยนต์ บิ๊ก ไบค์ และ อีวี รับส่วนลดพิเศษพร้อมผ่อนจ่ายเงินสดได้
๑๑ ต.ค. เสนา เดินหน้า บ้านร่วมทางฝัน 6 บรมราชชนนี กำไรหลังหักค่าใช้จ่าย ตั้งเป้ามอบ 70 ล้านบาท แก่ รพ.วชิรพยาบาล
๑๑ ต.ค. อบจ. ภูเก็ต เปิดแผนผลักดันการพัฒนาท่องเที่ยวภูเก็ตครบวงจร