แม้ว่าทิศทางผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกจะไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่บริษัทฯ ได้ดำเนินการติดตามอย่างใกล้ชิด และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน จึงคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาสถัดไปจะมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อล่าสุด บริษัทฯ ได้ประกาศความร่วมมือกับ สทป. จัดตั้งบริษัทร่วมทุน 'NDC' เพื่อให้บริการที่ครอบคลุมทั้งด้านระบบความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety) โซลูชันดิจิทัล (Digital Solutions) และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่ทันสมัย
ความร่วมมือดังกล่าวนับเป็นการผสานจุดแข็งที่ลงตัว ระหว่างความเชี่ยวชาญด้านโครงข่ายโทรคมนาคมของ ITEL กับองค์ความรู้ด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีป้องกันประเทศของ สทป. ซึ่งไม่เพียงสะท้อนวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจสู่ตลาดใหม่ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงของประเทศอีกด้วย
"แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะมีความผันผวน แต่จุดแข็งของ ITEL คือฐานลูกค้าที่มีความสมดุลระหว่างภาครัฐประมาณ 40% และภาคเอกชน 60% ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยง และรักษาเสถียรภาพการเติบโตได้เป็นอย่างดี อีกทั้งไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ เทคโนโลยีด้านการเชื่อมต่อสื่อสารยังคงเป็นสิ่งจำเป็นที่คนยังต้องใช้อยู่เสมอ โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นธุรกิจโทรคมนาคมเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการปรับทิศทางสู่การเป็น 'Cloud Implementor' และต่อยอดไปยังธุรกิจเทคโนโลยีการแพทย์" ดร.ณัฐนัย กล่าว
สำหรับบทบาท Cloud Implementor ซึ่งเป็นทิศทางสำคัญในปี 2568 นั้น ITEL จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมโยงระหว่าง Data Center กับลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการในยุคดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะลูกค้าองค์กรที่กำลังปรับตัวสู่ Digital Transformation โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ในปีนี้ประมาณ 200-300 ล้านบาท
ในด้านธุรกิจ Health Tech ซึ่งดำเนินการภายใต้ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เฮลธ์ เทคโนโลยี จำกัด (IHT) บริษัทฯ เดินหน้าเปิดศูนย์ CT Scan 3 แห่งในปีนี้ ด้วยงบลงทุน 20-30 ล้านบาทต่อแห่ง โดยศูนย์แรกอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใต้ชื่อ 'อินเตอร์ลิ้งค์ ซีที คลินิก สุราษฎร์ธานี' ซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่อีก 2 ศูนย์ อยู่ระหว่างการพิจารณาพื้นที่ในการจัดตั้ง
จากการปรับกลยุทธ์ธุรกิจ จึงคาดว่าในปี 2568 บริษัทฯ จะมีรายได้เติบโต 30% จากปีก่อน ที่ทำได้ 2,518 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตแบบ Organic ที่มาจากกลุ่มธุรกิจหลัก ซึ่งจะต่างจากปีก่อนที่มีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ และจากความเชี่ยวชาญด้านโครงข่ายที่สั่งสมมายาวนาน สู่การต่อยอดเป็น Cloud Implementor และผู้ให้บริการเทคโนโลยีการแพทย์ที่มีความทันสมัย ITEL พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติธุรกิจ ด้วยจุดแข็งด้านคุณภาพบริการและความรวดเร็วในการติดตั้ง ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของภาครัฐและภาคเอกชนไทยที่กำลังเร่งปรับตัวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ